Miracle on 34th Street (1947)
ปาฏิหารย์บนถนนที่ 34

“Miracle on 34th Street” เป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่คงอยู่ในฐานะภาพยนตร์ช่วงวันหยุดที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาล เปิดตัวในปี 1947 โดยรวบรวมแก่นแท้ของคริสต์มาสผ่านสายตาของ Kris Kringle ห้างสรรพสินค้าซานต้าที่อ้างว่าเป็นของจริง การแสดงคริงเกิลของเอ็ดมันด์ เกว็นน์นั้นมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เขาแสดงความอบอุ่นและความจริงใจในการแสดงที่ทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่น่าประทับใจถึงจิตวิญญาณแห่งเทศกาลวันหยุด และซานต้าของเกว็นน์คือหัวใจหลักของเสน่ห์ที่ยั่งยืน

ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ และขบวนพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าของเมซีทำหน้าที่เป็นฉากหลังสำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ที่นี่เราได้พบกับดอริส วอล์คเกอร์จอมขรึม รับบทโดยมอรีน โอ’ฮารา และซูซาน ลูกสาวของเธอ รับบทโดยนาตาลี วูดในวัยเยาว์ในการแสดงที่แสดงออกถึงภูมิปัญญาที่เกินวัยของเธอ ความมีชีวิตชีวาระหว่างดอริสผู้ขี้ระแวงและซูซานผู้แก่แดดก่อให้เกิดแก่นทางอารมณ์ของภาพยนตร์ ท้าทายให้ผู้ชมเผชิญหน้ากับความเชื่อของตนเองในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ผู้กำกับจอร์จ ซีตันสร้างสรรค์เรื่องราวที่เป็นทั้งดราม่าทางกฎหมายที่น่าสนใจและเรื่องราวครอบครัวที่อ่อนโยน คดีในศาลเพื่อพิสูจน์ตัวตนของ Kris Kringle นั้นทั้งน่าสนใจและแปลกประหลาด โดยอยู่ในเส้นบางๆ ระหว่างจินตนาการและความเป็นจริง บทภาพยนตร์ที่เขียนโดยซีตันก็ใช้อารมณ์ขัน ดราม่า และความโรแมนติคได้อย่างคล่องแคล่ว จบลงด้วยความละเอียดที่ให้ความรู้สึกทั้งน่าประหลาดใจและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงงานเขียนของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าสามารถดึงเอาอารมณ์ที่หลากหลายออกมาได้โดยไม่รู้สึกไม่ปะติดปะต่อเลย

หากมองในแง่สายตาแล้ว “Miracle on 34th Street” เปรียบเสมือนหน้าต่างสู่ยุคหลังสงคราม ซึ่งนำเสนอภาพความทรงจำในอดีตของมหานครนิวยอร์กในอดีต การถ่ายภาพยนตร์ขาวดำช่วยเพิ่มคุณภาพเหนือกาลเวลาของภาพยนตร์ โดยแต่ละเฟรมจะสื่อถึงแก่นแท้ของฤดูกาล ตั้งแต่ถนนที่พลุกพล่านซึ่งเต็มไปด้วยนักช็อปปิ้งในช่วงวันหยุด ไปจนถึงบ้านที่ตกแต่งอย่างแปลกตา ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นงานฉลองที่สะดุดตาและเป็นจดหมายรักถึงเมืองที่ไม่เคยหลับใหล

โดยสรุป “Miracle on 34th Street” ถือเป็นสมบัติล้ำค่าทางภาพยนตร์ที่ยังคงสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ชมทุกวัย ข้อความเกี่ยวกับความสำคัญของความศรัทธา ธรรมชาติของความเชื่อ และคุณค่าของความรักและความเมตตาสะท้อนอย่างแรงกล้าในทุกวันนี้เช่นเดียวกับที่เผยแพร่ เป็นภาพยนตร์ที่ไม่เพียงแต่เฉลิมฉลองความมหัศจรรย์ของคริสต์มาสเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำแนวคิดที่ว่าบางครั้งสิ่งที่จริงที่สุดในโลกก็เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น